Top 5: รอบชิง ลีก คัพ ในความทรงจำ
ค่ำคืนวันอาทิตย์นี้ศึกลูกหนังแดนผู้ดี ก็จะได้ทีมที่จะคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ทีมแรกของฤดูกาลนี้แล้วนะครับ โดยจะเป็นการดวลกันระหว่าง เชลซี และ ลิเวอร์พูล ในถ้วย ลีก คัพ หรือที่บางคนเรียกว่า ‘มิกกี้ เมาส์ คัพ’ แต่ก็ดีใจเวลาได้แชมป์อ่ะนะ โดยเกมนี้ก็เหมือนเป็นการรีแมตช์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ว่าการแข่งขันที่มีมากว่า 62 ปีนั้น จะมีรอบชิงครั้งไหน ที่ยังอยู่ในความทรงจำกันบ้าง ไปติดตามกันได้เลยครับ
อันดับ 5 ปี 1967
ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส พบ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
แรกเริ่มเดิมทีที่ฟุตบอลรายการนี้ดวลแข้งกันตั้งแต่ปี 1961 จะตัดสินรอบชิงโดยการเล่นเหย้า-เยือน จนดูไม่มีความหมาย กระทั่งปีนี้ได้เปลี่ยนมาดวลแข้งกันในสนาม เวมบลีย์ ซึ่งมีผู้เข้าชมเกมมากถึง 97,952 คน ส่งผลให้มีศักดิ์ศรีไม่น้อยหน้าไปกว่าถ้วย เอฟเอ คัพ นอกจากนั้น นี่ยังถือเป็นการคัมแบ็คอย่างยิ่งใหญ่ของฝั่งทีมแชมป์ เมื่อเกมในวันนั้น ‘เดอะ แบ็กกี้ส์’ ขึ้นนำไปก่อน 2 ประตูในครึ่งแรก แต่ฝั่ง ‘ทหารเสือราชินี’ ไม่ยอมแพ้ ทวงคืน 3 ลูกรวด คว้าโทรฟี่ใบนี้ไปครองอย่างสมศักดิ์ศรี
บทสรุป: ควีนส์ ปาร์ค เรนเจอร์ส พลิกชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 3 ประตูต่อ 2
อันดับ 4 ปี 2011
อาร์เซนอล พบ เบอร์มิงแฮม ซิตี้
ก่อนเกมการแข่งขันจะเริ่มต้น ใคร ๆ ก็มองว่า อาร์เซนอล คงเป็นแชมป์แบบนอนมา แต่กลายเป็นว่าทุกอย่างไม่ง่ายแบบที่คิด เมื่อพวกเขาถูก นิกอล่า ฌีกิช ยิงนำขึ้นไปก่อนที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จะมาทำประตูตีเสมอให้กับทัพ ‘ปืนใหญ่’
แต่ว่าทางด้านของ เบอร์มิงแฮม ก็ตั้งรับได้อย่างอยู่หมัด จนกระทั่ง เบน ฟอสเตอร์ ผู้รักษาประตูเปิดยาวขึ้นมา แล้วเป็น โลรองต์ โกเซียลนี่ สกัดวืดบอลเด้งเข้าทาง วอยเซียค เชสนี่ย์ เข้าทาง โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ ซัดเต็มข้อล่อเต็มแข้ง บอลเข้าไปสู่ก้นตาข่ายในนาที 89 เฉลิมฉลองด้วยการตีลังกาหลายตลบอย่างสุดเหวี่ยง แถมผู้เล่นอีกคนยังเข้าไปโบกหัวกองหลังทีมชาติฝรั่งเศสเอาซะเสียทรง
บทสรุป: อาร์เซนอล ปราชัยต่อ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1 ประตูต่อ 2 แบบสุดช็อค
อันดับ 3 ปี 2013
สวอนซี พบ แบรดฟอร์ด ซิตี้
เห็นชื่อทั้งสองทีมอาจจะไม่ได้รู้สึกว่ามันน่าตื่นเต้นอะไร เพราะว่าทีมนึงก็กลางตารางของพรีเมียร์ลีก แต่พวกเขาก็พลิกชนะทีมใหญ่อย่าง เชลซี มาได้ในรอบรองชนะเลิศ ขณะที่ทีมอย่าง แบรดฟอร์ด ซิตี้ ที่อยู่ใน ลีก ทู ก็หักปากกาเซียนเข้ามาสังเวียน เวมบลีย์ ได้สำเร็จ
แน่นอนว่าทางด้านของ ‘หงส์ขาว’ เอาชนะไปได้อย่างท่วมท้น ด้วยสกอร์ขาดลอย ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอล ลีก คัพ เมื่อทีมที่เป็นแชมป์เป็นตัวแทนจากเวลส์ แต่ถึงอย่างนั้นการที่ทีมจากลีกระดับล่าง ก้าวมาสู่สนามระดับประเทศ ก็ชนะใจแฟนบอลได้ทั้งโลกแล้ว
บทสรุป: สวอนซี ถล่ม แบรดฟอร์ด ซิตี้ 5 ประตูต่อ 0
อันดับ 2 ปี 2005
ลิเวอร์พูล พบ เชลซี
ฤดูกาลนั้น เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ กำลังฟอร์มร้อนแรง และมีเกมรับที่เหนียวแน่น แต่กลายเป็นว่า ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ทำประตูให้ ‘หงส์แดง’ ขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่ยังไม่ถึงหนึ่งนาที ทว่าเหตุการณ์สุดช็อคก็เกิดขึ้นเมื่อ สตีเว่น เจอร์ราร์ด โหม่งสกัดเข้าประตูตัวเองในช่วงท้ายเกม
ช่วงต่อเวลา ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา กับ มาเตญ่า เคซมัน ยิง 2 ประตูให้กับทัพ ‘สิงห์บลู’ ซึ่งถึงแม้ว่า อันโตนิโอ นูเยซ จะช่วยให้ทีมของ ราฟา เบนิเตซ ไล่มาได้ แต่ว่าก็ไม่เพียงพอต่อการตามตีเสมอ โดยประเด็นที่ยังมีคนพูดถึงตราบจนทุกวันนี้ คือท่าดีใจของ กุนซือชาวโปรตุเกส ที่หันไปจุ๊ปากใส่เหล่า ‘เดอะ ค็อป’ กลายเป็น Iconic Moment ที่แฟนบอลไม่มีวันลืม
บทสรุป: เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 3 ประตูต่อ 2 ก่อนที่จะก้าวไปเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในรอบ 50 ปี
อันดับ 1 ปี 2022
ลิเวอร์พูล พบ เชลซี
ผ่านไป 17 ปี ทั้งสองทีม โคจรกลับมาพบกันอีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ยังเหมือนเดิมคือการไม่สามารถหาผู้ชนะได้ใน 90 นาที โดยนี่คือการเสมอกันแบบไร้สกอร์ที่มันส์ที่สุดครั้งนึงของโลกลูกหนัง เนื่องจากมีจังหวะส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายด้วยกันทั้งคู่ แต่ไลน์แมนก็ตีธงล้ำหน้าทุกครั้งไป
สุดท้ายต้องดวลฎีกากันถึงจุดโทษ ซึ่งผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ทั้ง 10 คน สังหารกันไม่พลาดเลย จนถึงคราวที่นายทวาร ต้องทำในสิ่งตรงกันข้ามสุดขั้วที่สุดคือยิงประตู โดยทาง ควิมิน เคลเลเฮอร์ ของ ลิเวอร์พูล ซัดหักข้อเข้าไป โยนความกดดันทั้งหมดมาอยู่ที่ เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ที่ยิงเหินข้ามคาน ประหนึ่งเตะฟิลด์โกลด์พุ่งไปยันดวงจันทร์ ส่งผลให้ ‘หงส์แดง’ คว้าโทรฟี่นี้ไปครอบครอง
บทสรุป: ลิเวอร์พูล ชนะการดวลจุดโทษ เชลซี 11 ประตูต่อ 10 ก่อนที่จะเจอกันอีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ
ต้องบอกว่าฝั่ง ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ ปะทะ ‘หงส์แดง’ นับว่าเป็นสองทีมที่ห้ำหั่นกันอย่างหนักหน่วงในรอบ 20 ปีหลัง ไม่ว่าจะเป็นในเกมพรีเมียร์ลีก ที่ส่งผลต่อการลุ้นแชมป์อยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงฟุตบอลยุโรป ที่ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะอยู่เป็นประจำ
และบทสรุปของรอบชิงชนะเลิศ ลีก คัพ ประจำฤดูกาล 2023/24 จะจบลงอย่างไร ทุกคนจะได้ร่วมลุ้นพร้อมกันในคืนวันอาทิตย์นี้ คิกออฟ 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ขอให้ทั้งสองทีมโชคดีครับ
เขียนโดย 38 Drinks
The Lite Team.